แคล-ที ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อสุขภาพกระดูกและข้อของคนที่คุณรัก

ผลิตภัณฑ์ CAL-T

อาหารเสริมแคลเซียม

อาหารเสริมแคลเซียมของแคล-ที มีประโยชน์อย่างไร

แคลเซียมจัดเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยให้ร่างกายสร้างมวลกระดูกได้มากกว่าการสลายมวลกระดูก โดยต้องมีการรับประทานแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน
ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคกระดูกพรุน มีค่ามวลกระดูกลดลง หรือผู้มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุน ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเสริมการทานแคลเซียมให้มากขึ้น เพราะแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่ใช้มากที่สุดในร่างกาย
แร่ธาตุแคลเซียม นอกจากจะมีส่วนช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงแล้ว แคลเซียมยังมีหน้าที่หลักอีกหลายอย่างคือ ช่วยในการทำงานของหัวใจ ช่วยให้กล้ามเนื้อหดตัวทำงานได้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังช่วยในการทำงานของเส้นประสาท และช่วยในการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย

แคลเซียมอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุ

เมื่อร่างกายเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ซึ่งถือเป็นวัยที่ต้องการแคลเซียมอย่างมาก

ผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ร่างกายต้องการแคลเซียมมากกว่าวัยอื่นๆ เนื่องจากปัญหาวัยทองทำให้กระดูกเริ่มพรุนเสื่อมสภาพ กระดูกบางลง ค่ามวลกระดูกลดลงกว่าค่ามาตรฐาน เป็นสาเหตุทำให้ผู้สูงอายุหลายคนเป็นโรคกระดูกเสื่อม ซึ่งเสี่ยงต่อกระดูกหักได้ง่าย
การเลือกทานแคลเซียมเสริมอาหาร เพื่อเสริมสร้างกระดูกหรือมวลกระดูกที่ลดน้อยลงไปทุกวัน จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นและลดโอกาสในการเป็นโรคกระดูกพรุน กระดูกหักง่ายได้ดี

ผู้สูงอายุที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมน้อยลง ควรทานอย่างไร

การรับประทานแคลเซียมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดนั้น ควรรับประทานร่วมกับแมกนีเซียมและวิตามินดีในสัดส่วนที่เหมาะสม
เนื่องจากแมกนีเซียมจะช่วยทำงานร่วมกันกับแคลเซียมในการเสริมสร้างกระดูกแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการหลั่ง Calcitonin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้แคลเซียมเข้าสู่กระดูกได้ง่ายขึ้น
ในขณะที่วิตามินดี มีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีมากขึ้น ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมน้อยลงอันเป็นสาเหตุให้กระดูกพรุน นำไปสู่ภาวะโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหักง่ายในผู้สูงอายุ

ปัญหาสุขภาพที่ผู้สูงอายุต้องเจอ ได้แก่

ปัญหาด้านสุขภาพในวัยผู้สูงอายุนั้นยากที่จะหลีกเลียงได้ ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุมีโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด รวมถึงอาการปวดข้อ ปวดหลัง ปวดเข่า ปวดขา อันเนื่องมาจากโรคกระดูกพรุนและข้อเสื่อม
เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีปัญหาเกี่ยวกับ เหงือกและฟัน การบดเคี้ยวอาหารจึงยากลำบาก จึงมักจะขาดแร่ธาตุสำคัญๆ อย่างเช่น แคลเซียม ซึ่งใช้ในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

ประโยชน์ของแคลเซียม มีดังนี้

  • ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูกและข้อ
  • มีส่วนสำคัญในการชะลอการลดลงของมวลกระดูก จึงมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุน หรือโรคข้อเสื่อมได้ 
  • ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของกระดูกในเด็กและวัยรุ่น
  • ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โดยส่งสัญญาณไปยังเซลล์ต่างๆทั่วร่างกาย ช่วยให้หลอดเลือดและกล้ามเนื้อหดหรือขยายได้ดีเป็นปกติ
  • ช่วยในการทำงานของโปรตีน ที่มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างมวลกระดูก
  • ควบคุมความสมดุลของกรดในร่างกาย

อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์เสริม แคลเซียม หมอพิเชษฐ์ มีอะไรบ้าง

ปัจจุบันในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลากหลายแบรนด์ ที่ใช้ในบำรุงและเสริมสร้างส่วนต่างๆ ของร่างกาย มาให้เราเลือกซื้อมารับประทานกันอย่างมากมาย
แต่การจะเลือกซื้อหรือเลือกรับประทานนั้น ควรเลือกจากแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ แบรนด์ที่ได้รับการแนะนำจากคุณหมอ จะปลอดภัยกว่า เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Cal-T ที่คุณหมอแนะนำ
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงกระดูกและข้อเข่า
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยลดตะคริว
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้หญิง
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ชาย
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนจากพืชผสมแคลเซียมและวิตามินรวม
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิว

ปัจจัยที่ช่วยให้การดูดซึมของแคลเซียมได้ผลดีขึ้น

  1. วิตามินดี เป็นวิตามินที่ช่วยให้ลำไส้เล็กมีการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายหรือกระแสเลือดได้มากขึ้น วิตามินดีของร่างกายสามารถสร้างได้เองจากการที่ผิวหนังได้รับแสงแดดในช่วงเวลาเช้าๆ รวมถึงอาหารที่รับประทานทุกๆวัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ไข่แดง น้ำมันตับปลา เห็ด เป็นต้น
  2. อาหารประเภทโปรตีน การที่ร่างกายได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น เนื่องจากโปรตีนกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายสามารถละลายแคลเซียม และทำให้แคลเซียมถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายหรือกระแสเลือดได้ดีขึ้น

สิ่งที่ไม่ควรรับประทาน ควบคู่กับการรับประทานแคลเซียม

  • ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เตตร้าไซคลิน เพราะทำให้ยาเหล่านี้ถูกดูดซึมน้อยลง จึงควรรับประทานยาเม็ดแคลเซียมให้ห่างจากยาอื่นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • ยาควบคุมความดันโลหิตบางกลุ่ม
  • ฮอร์โมนไทรอยด์สังเคราะห์
  • ยาในกลุ่มบิสฟอสโฟเนต

ปัจจัยที่เป็นตัวขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและยังทำให้มีการขับแคลเซียมออกจากร่างกายมากขึ้น

  • อาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมสูง ทำให้ร่างกายมีการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น ซึ่งได้แก่ อาหารรสเค็ม เช่น เครื่องปรุงรส เครื่องจิ้ม เนื้อสัตว์แปรรูป ของหมักดอง เป็นต้น
  • อาหารที่มีส่วนประกอบของผงฟู สารกันบูด เช่น เบเกอรี ซาลาเปา อาหารกระป๋อง และอาหารสำเร็จรูป
  • เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ทำให้มีการขับปริมาณแคลเซียมออกทางปัสสาวะเพิ่มขึ้นและทางเดินอาหารยังดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายและกระแสเลือดได้น้อยลงอีกด้วย เช่น ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลมสีดำ และจากการศึกษาพบว่ามีความเสี่ยงกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20
  • เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ส่งผลทำให้ทางเดินอาหารดูดซึมแคลเซียมลดลงและเพิ่มการขับปริมาณแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น
  • สารที่ขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียมโดยสารนี้จะไปจับกับแคลเซียม ทำให้แคลเซียมไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างเต็มที่ เช่น ไฟเตท (เมล็ดพืช ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืช) ออกซาเลต (ใบยอ ชะพลู ผักโขม มะเขือพวง ยอดกระถิน หน่อไม้ ช็อคโกแลต ชา) แทนนิน (ชา ใบพลู กล้วยดิบ)
  • การสูบบุหรี่ จะทำให้ร่างกายได้รับนิโคตินมากขึ้น ซึ่งนิโคตินจะไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย

แหล่งที่มาของแคลเซียมที่คุณสามารถหารับประทานได้ทั้งจากอาหารและอาหารเสริมต่างๆ

แคลเซียมสามารถหารับประทานได้มีดังนี้

  • อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น จากนม, กุ้งแห้ง, กะปิ, ปลาเล็กปลาน้อย, ปลาสลิด, หอยนางรม, ผักใบเขียวที่มีลักษณะแข็ง (คะน้า, ใบยอ, ใบชะพลู)
  • อาหารเสริม เช่น
    • Calcium L-Theonate หรือ แคลเซียมข้าวโพด สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เกือบ 100% สามารถทานตอนท้องว่าง หรือ หลังอาหารก็ได้
    • Calcium Amino Acid Chelate หรือ แคลเซียมโปรตีน สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เกือบ 100% สามารถทานตอนท้องว่าง หรือ หลังอาหารก็ได้
    • Calcium Carbonate แคลเซียมคาร์บอเนตทำจากหินปูนและกระดูก ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 15% โดยต้องทานหลังอาหารเท่านั้น และยังมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องผูก และถ่ายแข็งอีกด้วย
    • Calcium Citrate ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 50% โดยต้องทานหลังอาหารเท่านั้น

ปริมาณ แคลเซียม ที่ร่างกายคุณควรได้รับต่อวัน

แคลเซียมถือเป็นแร่ธาตุหลักที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดังนั้น เราจึงควรรับประทานแคลเซียมให้เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย ดังนี้
  • ช่วงวัยเด็กอายุ 1-3 ขวบ ควรทาน 500 มิลลิกรัมต่อวัน
  • เด็กอายุ 4-8 ขวบ ควรทาน 800 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ช่วงวัยรุ่นชาย-หญิง อายุ 18 ปี ควรทาน 800 – 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ผู้ใหญ่ชาย-หญิง อายุ 19-50 ปี ควรทาน 800 – 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
การทานอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบแคลเซียมที่ถูกชนิดและปริมาณถูกต้องในแต่ละวันอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีเป็นปกติ และจะช่วยป้องการโรคกระดูกพรุน โรคข้อเสื่อม พร้อมทั้งช่วยเสริมสร้างกระดูกและข้อให้แข็งแรงเป็นปกติได้

หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์

ปรึกษาคุณหมอพิเชษฐ์

สั่งซื้อ Cal-t ได้แล้ววันนี้ที่