แคล-ที ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อสุขภาพกระดูกและข้อของคนที่คุณรัก

ข้อมูลความรู้

ประโยชน์ของแคลเซียม คืออะไร ? สำคัญต่อร่างกายมาก แค่ไหน ?

ประโยชน์ของแคลเซียม

อ่านหัวข้อที่สนใจ

ประโยชน์ของแคลเซียม มีอะไรบ้าง

แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและฟัน โดยในร่างกายมนุษย์จะมีแคลเซียมมากถึง 1-2 กิโลกรัม ซึ่ง 99% จะอยู่ในเนื้อเยื่อกระดูกโครงกระดูกและฟัน ร่างกายจะใช้กระดูกเป็นแหล่งกักเก็บแคลเซียมไว้เพื่อรักษาสมดุลของแคลเซียมในกระแสเลือดอีกด้วย

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์และสำคัญต่อร่างกาย ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง พบได้มากในผลิตภัณฑ์จาก นม โยเกิร์ต และชีส และในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียม ในปัจจุบันพบว่าแคลเซียมมีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกระดูกและฟันในผู้สูงอายุ

โดยร่างกายคนเราต้องการแคลเซียมสุทธิจากการรับประทานอาหารวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม เพื่อให้เพียงพอในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อทั่วร่างกาย และให้เส้นประสาททำงานได้เป็นปกติ
จากการศึกษาปริมาณแคลเซียมในอาหารของคนไทยพบว่าอาหารที่คนไทยทาน 3 มื้อต่อวันนั้น มีปริมาณแคลเซียมสุทธิอยู่ประมาณ 400 มิลลิกรัมเท่านั้น ทำให้ร่างกายต้องดึงเอาแคลเซียมออกมาจากกระดูก เพื่อนำมาใช้ในกระแสเลือดอีกประมาณ 400 มิลลิกรัมทุกๆวัน ซึ่งปัจจัยนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนและโรคข้อเสื่อมในคนไทย และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนและโรคข้อเข่าเสื่อมในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนอายุน้อยด้วยเช่นกัน

แคลเซียมช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

แคลเซียมช่วยบำรุงกระดูก

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกตั้งแต่วัยเด็ก แคลเซียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูก และหลังจากที่คนเราหยุดการเจริญเติบโต แคลเซียมจะยังช่วยเสริมสร้างกระดูกและชะลอการสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูกในกลุ่มผู้สูงอายุ

รวมไปถึงคุณผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน จะสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูกในอัตราที่สูงกว่าผู้ชาย หรือ ผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน และข้อเสื่อมได้

ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ

อีกหนึ่งคุณประโยชน์ที่สำคัญของแคลเซียม มีส่วนช่วยควบคุมการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อร่วมกับแมกนีเซียม โดยอัตราส่วนในการใช้แคลเซียมและแมกนีเซียมของร่างกายเท่ากับ 2:1

ระบบหัวใจและหลอดเลือด

แคลเซียมมีบทบาทสำคัญในการแข็งตัวของเลือด ในกระบวนการแข็งตัวของเลือดมีหลายขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับแคลเซียม แคลเซียมมีบทบาทในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และแคลเซียมช่วยคลายกล้ามเนื้อเรียบที่ล้อมรอบหลอดเลือด

ชนิดของแคลเซียม

  • แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต (Calcium L-Theonate)
    แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต หรือ แคลเซียมข้าวโพด เป็นแคลเซียมที่ผลิตมาจากวิตามินซีในแป้งข้าวโพด สามารถละลายน้ำและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า 95% โดยไม่ต้องใช้วิตามินดีช่วยในการดูดซึม และไม่ทำให้ท้องอืด ท้องผูก หรือถ่ายแข็ง สามารถทานตอนท้องว่าง หรือ หลังอาหารก็ได้

  • แคลเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต (Calcium Amino Acid Chelate)
    เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แคลเซียมโปรตีน เป็นแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เกือบ 100% สามารถทานตอนท้องว่าง หรือ หลังอาหารก็ได้

  • แคลเซียม คาร์บอเนต (Calcium Carbonate)
    แคลเซียม คาร์บอเนต ผลิตมาจากหินปูนและกระดูกสัตว์ จะละลายในกระเพาะอาหารได้เพียง 15% เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องรับประทานหลังอาหาร ต้องใช้วิตามิน ดี ช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องผูก และถ่ายแข็ง

  • แคลเซียม ซิเตรท (Calcium Citrate)
    เป็นแคลเซียมที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ประมาณ 50% โดยต้องรับประทานหลังอาหาร เนื่องจากเป็นแคลเซียมที่ทำงานได้ต่อเมื่อมีกรดในกระเพาะอาหารเท่านั้น

ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับในแต่ละช่วงวัย

เนื่องจากร่างกายของเรานั้นไม่สามารถผลิตแคลเซียมเองได้ การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งในแต่ละช่วงวัยก็ต้องการปริมาณแคลเซียมที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรรับประทานแคลเซียมให้เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย ดังนี้

วัยเด็ก

ในช่วงวัยเด็กนั้น การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโต โดยเฉพาะเรื่องการเสริมโครงสร้างของร่างกาย การทานอาหารที่มีเเคลเซียมไม่เพียงพอนั้นอาจส่งผลทำให้การเจริญเติบโตลดลง โดยแคลเซียมจากการดื่มนมเป็นแหล่งเแคลเซียมที่ดีที่สุดสำหรับวัยเด็ก
ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับอย่างเหมาะสมในแต่ละวัน โดยแบ่งออกเป็นแต่ละช่วงวัย ดังนี้
  • ช่วงแรกเกิด – 1 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 200-400 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 1 ถึง 3 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 400-800 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 4 ถึง 8 ปี ควรได้รับแคลเซียมวันละ 800-1,000 มิลลิกรัม

วัยรุ่น

การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอจะเป็นการเพิ่มมวลกระดูก และเพิ่มโครงสร้างร่างกายให้เติบโตขึ้น หากร่างกายได้รับปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอจะส่งผลให้มีปัญหาเรื่องความแข็งแรงของกระดูกในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกอ่อน มีอาการเจ็บกระดูกและกล้ามเนื้อได้ ดังนั้นการรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม ควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้กระดูกและข้อแข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืน

วัยผู้ใหญ่

อายุ 20 ปี ถึง 50 ปี เป็นช่วงวัยที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ การเสริมแคลเซียมในวัยนี้มีความสำคัญไม่แพ้ช่วงวัยรุ่น เพราะแคลเซียมจะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกมากกว่า ดังนั้นการรับประทานแคลเซียมให้เพียงพอวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม ควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้กระดูกและข้อแข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืน
โดยทั้งผู้ชายและผู้หญิงควรได้รับปริมาณแคลเซียมในแต่ละวันประมาณ 800-1,200 มิลลิกรัม หรือ คุณผู้หญิงตั้งครรภ์และคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรได้รับแคลเซียมอยู่ที่ปริมาณ 1,500 มิลลิกรัม ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม, กุ้งแห้ง, ปลาเล็กปลาน้อย, ปลาสลิด, ผักใบเขียว เป็นต้น

วัยสูงอายุ

เป็นช่วงวัยที่การทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายเริ่มมีประสิทธิภาพลดลง รวมถึงความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงตามช่วงอายุ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่าคุณผู้ชาย ร่างกายของผู้สูงอายุจะดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง ทำให้ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอในแต่ละวัน
ดังนั้นการทานแคลเซียมในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเพิ่มแคลเซียมให้แก่ร่างกาย โดยการทานแคลเซียมให้ได้ 800-1200 มิลลิกรัมต่อวัน

การเลือกทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง

นมและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม

นมเป็นแหล่งแคลเซียมที่มาจากอาหารที่ให้แคลเซียมสูงที่สุด และเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตโดยเฉพาะในวัยเด็ก ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตามควรรับประทานอย่างพอดีเพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเหมาะ
ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการดื่มนม เพราะนมหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมจะมีไขมันอยู่ จะทำให้ไขมันคอเลสเตอรอลในร่างกายสูงขึ้นได้

ถั่วและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่ว

อีกหนึ่งประเภทอาหารที่มีแคลเซียมสูงที่หลายคนอาจมองข้าม ยังเหมาะกับผู้ที่แพ้แลคโตสในนม เช่น นมถั่วเหลือง ถั่วลูกไก่ พืชตระกูลถั่ว

ปลาและสัตว์เล็ก

เป็นอาหารแคลเซียมสูงที่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมไปบำรุงกระดูกอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกลุ่มปลาเล็กปลาน้อย ปลาซิว ปลาซาร์ดีน กุ้งฝอย และอื่นๆอีกมากมาย แต่อาจต้องระวังเรื่องของไขมันและโซเดียมสูง

ผักใบเขียวและผลไม้

การรับประทานผักใบเขียวก็ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมด้วยเช่นเดียวกัน เช่น ใบชะพลู ผักแพว ใบยอ มะขามฝักอ่อน ยอดแค ผักกระเฉด ใบแมงลัก ยอดสะเดา ผักโขม ผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผลไม้และน้ำผลไม้ ล้วนแล้วแต่เป็นผักที่มีแคลเซียมสูง และมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

หากได้รับแคลเซียมน้อยหรือมากเกินไปจะเป็นอย่างไร?

ผลเสียจากการได้รับแคลเซียมน้อยเกินไป
การได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการ และการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายได้ไม่ดี ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน และภาวะกระดูกบางมากขึ้น จะทำให้กระดูกหักได้ง่าย ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ และ ในคุณผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งสามารถดูแลได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง หรือทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ

ผลเสียจากการได้รับแคลเซียมมากเกินไป
การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดนิ่วในไต หลอดเลือดตีบตัน เพราะการบริโภคแคลเซียมในปริมาณที่มากเกินไปจนเกิดการสะสมกลายเป็นหินปูน แต่ในความเป็นจริงคนเรามีโอกาสที่แคลเซียมจะมากเกินไปนั้นมีน้อยมากๆ
เราควรสนใจในการเลือกทานแคลเซียมเสริมอาหาร โดยควรเลือกทานแคลเซียมเสริมให้ถูกชนิด เช่น แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต หรือ แคลเซียมข้าวโพด ที่ผลิตมาจากวิตามินซีในแป้งข้าวโพด เพราะสามารถละลายน้ำและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ไม่ทำให้ท้องอืด ท้องผูก หรือถ่ายแข็ง

การรับประทานแคลเซียมแต่ละชนิด

ถ้าเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ก็ควรรับประทานพร้อมอาหาร เนื่องจากกรดที่หลั่งออกมามากช่วงเวลาอาหารนั้นจะช่วยในการละลาย และต้องทานวิตามิน ดี เพื่อช่วยในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
ถ้าเป็นแคลเซียมข้าวโพด หรือ แคลเซียม แอล-ทรีโอเนต สามารถทานตอนไหนก็ได้ เนื่องจากละลายน้ำและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า 95% และไม่ต้องใช้วิตามิน ดี ช่วยในการดูดซึม

บทสรุป

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในส่วนของกระดูกและฟัน ซึ่งมีความสำคัญตั้งแต่ช่วงแรกเกิดจนไปถึงช่วงสูงวัยเลยทีเดียว จึงเป็นเหตุผลให้ทุกคนควรบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมให้เพียงพอในแต่ละวัน ถ้าหากไม่มั่นใจว่าจะได้แคลเซียมครบหรือไม่ การบริโภคอาหารเสริมแคลเซียมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ

การรับประทานแคลเซียมนั้นจะต้องดูปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัย รวมทั้งการทานในเวลาที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุและคุณผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน การรับประทานแคลเซียมให้ได้ปริมาณ 800-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้สุขภาพร่างกายและกระดูกแข็งแรงขึ้นอย่างยั่งยืน

ผู้เขียนบทความ :

บทความแนะนำ

อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ สำคัญอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะสม

วัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ต้องการแคลเซียมเสริมอย่างมาก การเลือกอาหารเสริมแคลเซียม ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูก พร้อมสร้างเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง

อ่านเพิ่มเติม »

โรคข้อเข่าเสื่อม สาเหตุ อาการ วิธีรักษา ยูซีทู ( UC-II )

โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่มักจะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยผู้ป่วยที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม มักจะมีอาการปวดเข่า เสียงดังก๊อบแก๊บในเข่า เข่ายึด เข่าฝืด เข่าติด ลุกนั่งลำบาก

อ่านเพิ่มเติม »

ยูซี-ทู พลัส แมกนีเซียม คอลลาเจนดูแลกระดูกอ่อนในข้อเข่า

ตัวช่วยดูแลข้อเข่าให้แข็งแรงได้อย่างตรงจุด ด้วยคอลลาเจนเสริมสร้างกระดูกอ่อนในข้อเข่า มีส่วนช่วยดูแลอาการข้อเข่าเสื่อม และมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในข้อเข่า

อ่านเพิ่มเติม »

ท่านทราบไหมว่า ร่างกายเราก็มีธนาคารแคลเซียม ?

ธนาคารแคลเซียมจะมีอยู่ตามกระดูกทั่วร่างกาย เมื่อร่างกายขาดแคลเซียม ธนาคารแคลเซียมจะช่วยให้ร่างกายสลายแคลเซียมสุทธิออกมาใช้แทนได้ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติม »
คอลลาเจนเสริมกระดูกให้แข็งแรงได้

คอลลาเจนเสริมกระดูกให้แข็งแรงได้จริง? กินชนิดไหนได้ประโยชน์

คอลลาเจน สิ่งสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้ ทำความรู้จักกับคอลลาเจนให้มากขึ้น คอลลาเจนมีกี่ชนิด? ชนิดไหนที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง เลือกอย่างไรให้ได้ประโยชน์

อ่านเพิ่มเติม »
สรรพคุณแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต

สรรพคุณแคล-ที (แคลเซียมแอลทรีโอเนต)

แคลเซียมแอลทรีโอเนต (Calcium L-Threonate) มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ข้อเสื่อม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในกระดูก ดูสรรพคุณแคลเซียม แอล-ทรีโอเนต เพิ่มคลิก!!

อ่านเพิ่มเติม »

หมวดหมู่บทความ

บทความล่าสุด

อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ สำคัญอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะสม

วัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ต้องการแคลเซียมเสริมอย่างมาก การเลือกอาหารเสริมแคลเซียม ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูก พร้อมสร้างเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง

อ่านเพิ่มเติม »

ทำอย่างไรเมื่อถึงวัยทอง? วิธีรับมืออาการวัยทองอย่างเข้าใจ

การทำความรู้จักวิธีดูแลอาการวัยทอง เพื่อเตรียมตัวรับมือให้ดี จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ช่วงเวลาวัยทอง มีสุขภาพร่างกาย จิตใจที่แข็งแรง และมีความสุข

อ่านเพิ่มเติม »

อาหารเสริมแคลเซียม ผู้สูงอายุ สำคัญอย่างไร เลือกแบบไหนให้เหมาะสม

วัยผู้สูงอายุ เป็นวัยที่ต้องการแคลเซียมเสริมอย่างมาก การเลือกอาหารเสริมแคลเซียม ถือเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มมวลกระดูก พร้อมสร้างเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง

ทำอย่างไรเมื่อถึงวัยทอง? วิธีรับมืออาการวัยทองอย่างเข้าใจ

การทำความรู้จักวิธีดูแลอาการวัยทอง เพื่อเตรียมตัวรับมือให้ดี จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ช่วงเวลาวัยทอง มีสุขภาพร่างกาย จิตใจที่แข็งแรง และมีความสุข

แคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกอย่างไร สำคัญอย่างไร ผู้สูงวัยควรรู้!!

แคลเซียม แร่ธาตุที่เป็นส่วนสำคัญของกระดูก ซึ่งแคลเซียมมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกอย่างไร และสำคัญอย่างไร

เข่าเสื่อมดูแลได้!! วิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม

อาการข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบได้มากในผู้สูงอายุ เกิดจากสาเหตุได้หลายอย่าง มักมาอาการปวดจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต แต่สามารถดูแลให้ดีขึ้นได้ ด้วยวิธีการดูแลเหล่านี้

อาหารเสริมวัยทอง ควรเลือกอย่างไร? ทดแทนฮอร์โมนที่ลดลง บำรุงสุขภาพ

เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยทอง ร่างกายจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน การเลือกอาหารเสริมสำหรับวัยทองจำเป็นต้องเลือกให้มีประโยชน์และถูกต้องกับภาวะวัยทองมากที่สุด

ผลิตภัณฑ์แคล-ที

สั่งซื้อ Cal-t ได้แล้ววันนี้ที่