โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่มักจะพบในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยผู้ป่วยที่มีอาการข้อเข่าเสื่อม มักจะมีอาการปวดเข่า เสียงดังก๊อบแก๊บในเข่า เข่ายึด เข่าฝืด เข่าติด ลุกนั่งลำบาก หรือก้าวเดินไม่ไหว ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนแต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก จึงขอแนะนำความรู้เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม รวมไปถึงวิธีการรักษาและดูแลที่จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของข้อเข่า และป้องกันไม่ให้ข้อเข่าเกิดการสึกหรอไปมากกว่าเดิม เพื่อให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมทุกคนได้มีข้อเข่าที่เเข็งแรงขึ้น สามารถเคลื่อนไหวและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกมากขึ้น
โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนข้อเข่า หมอนรองกระดูกเข่า ทำให้มีการอักเสบในข้อเข่า โดยมักจะเกิดขึ้นตามช่วงอายุ หรืออาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ทานอาหารที่มีแคลเซียมสุทธิน้อย มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน กิจกรรมในชีวิตประจำวัน การใช้งานข้อเข่ามากเกินไป หรือ เคยประสบอุบัติเหตุบริเวณข้อเข่า ฯลฯ
โดยอาการแรกเริ่มของข้อเข่าเสื่อมนั้น ช่วงแรกๆ จะไม่มีอาการใดๆ เมื่อข้อเข่าเสื่อมมากขึ้นก็จะมีเสียงดังก๊อบแก๊บในเข่า และตามมาด้วยอาการปวดเข่า อันเนื่องมาจากมีการอักเสบภายในข้อเข่า ถ้าหากเราไม่ใส่ใจดูแลรักษาอย่างถูกวิธี ความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมก็จะเพิ่มความรุนแรงขึ้น โดยจะมีอาการปวด บวม แดง ร้อน บริเวณข้อเข่า ซึ่งจะสร้างความเสื่อมของข้อเข่าอย่างถาวรได้
6 สาเหตุหลักของการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักๆมักมีดังนี้ 1. การทานอาหารที่มีแคลเซียมสุทธิน้อย คนเราต้องการแคลเซียมสุทธิจากอาหารที่ทานทุกๆวัน ประมาณวันละ 800-1,200 มิลลิกรัม เพื่อให้ร่างกายมีระดับแคลเซียมในเลือดอยู่ในช่วง 8.5 – 10.5 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ตลอดเวลา ซึ่งจะเพียงพอในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ใช้ในการทำงานของเส้นประสาททั่วร่างกาย และช่วยให้เลือดแข็งตัวได้ตามปกติ แต่จากการศึกษาปริมาณแคลเซียมในอาหารของคนไทยพบว่า อาหารที่คนไทยทาน 3 มื้อต่อวันนั้น มีปริมาณแคลเซียมสุทธิอยู่ประมาณ 400 มิลลิกรัมเท่านั้น ทำให้ร่างกายต้องดึงเอาแคลเซียมออกมาจากกระดูก เพื่อนำมาใช้ในกระแสเลือดอีกประมาณ 400 มิลลิกรัมทุกๆวัน ซึ่งปัจจัยนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนและโรคข้อเสื่อมในคนไทยเรา และเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคกระดูกข้อเข่าเสื่อมในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนอายุน้อยๆ ด้วยเช่นกัน 2. อายุที่มากขึ้นตามวัย ผลการสำรวจผู้ป่วยจากโรคข้อเข่าเสื่อมส่วนมากมักจะเป็นในกลุ่มของผู้สูงอายุ เมื่อมีอายุที่มากขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเกิดจากความเสื่อมของกระดูกข้อเข่านั้นเสื่อมสภาพลง รวมถึงมีการสึกหรอจากการใช้งานของข้อเข่ามาเป็นระยะเวลานานๆ ดังนั้น จึงส่งผลให้พบโรคนี้ในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่ากลุ่มวัยรุ่นหรือคนอายุน้อย โดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนแต่ละช่วงวัยด้วย 3. น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐาน การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินเกณฑ์มาตรฐาน เช่น ผู้หญิงมีน้ำหนักเกิน 60 กิโลกรัม และ ผู้ชายมีน้ำหนักเกิน 70 กิโลกรัม จะทำให้เกิดอาการเข่าเสื่อมได้ง่ายมากขึ้น โดยผู้ที่มีน้ำหนักที่เกินกว่าเกณฑ์มักจะพบว่าเป็นข้อเข่าเสื่อมและสาเหตุเกิดมาจากข้อเข่าที่ต้องรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น และผิวกระดูกอ่อนข้อเข่าได้รับการเสียดสีมากกว่าคนที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ 4. กิจกรรมในชีวิตประจำวัน การมีกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เกิดแรงกดและเสียดสีที่ข้อเข่ามากกว่าปกติ เช่น การเดินขึ้นลงบันไดบ่อยๆ การยกของหนัก หรือใช้งานข้อเข่ามากเกินไปเป็นเวลานาน รวมไปถึง นั่งพับเพียบ การนั่งคุกเข่า การนั่งยองๆ การย่อเข่าบ่อยๆ การเดินไกลๆ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้เข่าเสื่อมมากขึ้น และมักเป็นสาเหตุที่หลายๆคนมองข้ามไป 5. การประสบอุบัติเหตุข้อเข่า การได้รับอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเข่า กระดูกบริเวณข้อเข่าหัก ข้อเข่าเคลื่อน เข่าหลุด กระดูกสะบ้าเข่าแตก เส้นเอ็นไขว้หน้าของข้อเข่า หรือหมอนรองกระดูกข้อเข่าฉีกขาด จะทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้เร็วและมากกว่าคนปกติ 6. การมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบของข้อ เช่น โรคกระดูกพรุน โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยด์ โรคเอสแอลอี เพราะโรคประจำตัวแบบนี้จะได้รับยารักษาโรคนี้อย่างต่อเนื่องนานๆ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ง่ายขึ้นอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม
เราควรหมั่นสังเกตอาการของตัวเอง และ ผู้สูงอายุในครอบครัว โดยอาการของโรคข้อเข่าเสื่อมมักมีอาการเริ่ม ดังนี้- มีเสียงดังก๊อบแก๊บในข้อเข่า
- ปวดเข่า เสียวเข่า
- มีอาการเข่าบวม
- มีอาการเข่าติด ข้อเข่าฝืดตึง
โรคข้อเข่าเสื่อม..วัยไหนบ้างที่มีความเสี่ยง ?
โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่มักพบในกลุ่มผู้สูงอายุมากที่สุด เนื่องจากผิวกระดูกอ่อนที่ข้อเข่านั้นมีการเสื่อมสภาพ และสึกหรอไปตามกาลเวลา และยังพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องจากปัจจัยทางด้านฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงจากวัยทอง การตั้งครรภ์ และการทานอาหารที่มีแคลเซียมสุทธิน้อย แต่ในปัจจุบันนี้คนที่มีอายุน้อยก็มีโอกาสจะเกิดโรคภาวะข้อเข่าเสื่อมได้เช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีการใช้ข้อเข่ามากเกินไป หรือมีการดำเนินชีวิตอันส่งผลกระทบต่อกระดูกและข้อเข่าโดยตรง และคนที่ขาดการดูแลสุขภาพร่างกาย ไม่มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงปัญหาหลักของโรคกระดูกพรุนและข้อเสื่อมของคนไทยก็คือ การทานอาหารในชีวิตประจำวันที่มีแคลเซียมสุทธิน้อยนั่นเองวิธีการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
อาการปวดเข่า เป็นอาการหลักของ “โรคข้อเข่าเสื่อม” ผู้ที่เป็นโรคนี้ จึงมักจะมีอาการปวดอยู่เป็นประจำ การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมนั้นจะทำให้อาการปวดข้อเข่าดีขึ้นด้วย โดยมีคำแนะนำดังนี้1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน
เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ต้องใช้งานข้อเข่ามากๆ- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมท่านั่งที่ไม่เหมาะสม
- ไม่ยกของหนัก
- การควบคุมน้ำหนัก
2. การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ นั้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและข้อเข่าได้ และยังเพิ่มความกระชับและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อในส่วนของข้อเข่าได้อีกด้วย- การบริหารหัวเข่า
3. การรักษาด้วยการใช้ยา
- การใช้ยาทานยาแก้ปวดข้อเข่า
- ทานอาหารที่มีแคลเซียมสุทธิให้เพียงพอ
4. การทาน ยูซีทู ( UC-II )
ยูซีทู ( UC-II ) หรือ Undenatured Collagen Type II เป็นคอลลาเจน ที่เป็นนวัตกรรมใหม่จากทางอเมริกา มีส่วนช่วยเสริมสร้างหมอนรองกระดูกข้อเข่าให้แข็งแรงขึ้น ช่วยลดการอักเสบ และลดการทำลายของหมอนรองกระดูกข้อเข่า การทานยูซีทู และ แคลเซียมข้าวโพด ร่วมกันอย่างต่อเนื่องทุกๆวัน จะช่วยทำให้ข้อเข่าแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง5. วิธีการฉีดหรือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
- การฉีดสารสเตียรอยด์เข้าข้อเข่า
- การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียม
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม