โรคกระดูกพรุน และหักง่ายในผู้สูงอายุ
ในปัจจุบันเป็นสังคมผู้สูงอายุ มีจำนวนประชากรผู้สูงอายุทั่วโลก ประมาณ 200 ล้านคน จำนวนประชากรผู้สูงอายุในไทยมีประมาณ 10 ล้านคน ( ข้อมูลจากสถิติสำนักงานแห่งชาติ ปีพ.ศ.2557 ) เป็นผู้ชาย 4 ล้านกว่าคน เป็นผู้หญิงจำนวน 5 ล้านกว่าคน ผู้สูงอายุจำนวน 1 ใน 3 ประสบปัญหาภาวะกระดูกพรุน ใช้ค่ารักษาประมาณ 1-3 แสนบาทต่อคนต่อปี แต่ผลการรักษา จะไม่ได้หายหรือฟื้นฟูสภาพคงเดิมได้ทันที ต้องใช้เวลาหลายปีในการรักษา ที่จะทำให้กระดูกแข็งแรงและเดินได้ดีคงเดิม
ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นภาวะกระดูกพรุนมากกว่า25 ล้านคน ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมากกว่า 1 ล้านคนแล้ว เนื่องจากรับประทานแคลเซียมน้อยกว่าวันละ 400 มิลลิกรัม
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่ทุกคนมองข้ามและละเลย “ โรคกระดูกพรุน” เป็นไปอย่างช้าๆ โดยที่ไม่สามารถรู้ตัวได้เลย เพราะโรคนี้ไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ออกมา เมื่อกระดูกเสื่อม ทรุด ยุบ หักแล้วจะเจ็บปวดมาก ในปัจจุบันการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ นั่งจ้องหน้าคอมเป็นเวลานานๆ ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากขึ้น
ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะพบเจอกับอาการเจ็บปวดตามข้อกระดูกเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย ถ้ามีโรคกระดูกพรุนจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกหักเนื่องจากมวลกระดูกมีความหนาแน่นน้อยลง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะพบเจอกับอาการเจ็บปวดตามข้อกระดูกเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย ถ้ามีโรคกระดูกพรุนจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกหักเนื่องจากมวลกระดูกมีความหนาแน่นน้อยลง
การเดินลื่นหกล้มแม้จะประคองตัวได้โดยหัวไม่ฟาดพื้นก็อาจเกิดกระดูกข้อมือหักจากการใช้มือยันตัวไว้ด้วยความที่เนื้อกระดูกบาง กระดูกข้อมือจึงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้เต็มที่กระดูกข้อมือจึงหักเมื่อกระดูกข้อมือหักก็ใช้มือข้างนั้นหยิบจับอะไรไม่ได้ในระหว่างที่ต้องเข้าเฝือก
รูปภาพกระดูกแขนหัก
หากมีก้นกระแทกพื้นจาก ตกจากที่สูง ทำให้กระดูกข้อสะโพกแตกหักแล้วเดินไม่ได้ในระหว่างการรักษา บางรายอาจต้องเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแทน ทำให้ต้องนอนติดเตียงนานๆซึ่งอาจเกิดแผลกดทับ ปวดทรมานหรือโรคอื่นๆ ตามมาได้ หากไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ และอัตราการเสียชีวิตของคนแก่จากแผลกดทับสูงถึง 17 % หลังข้อสะโพกหัก 1 ปื ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เสียความมั่นใจ และส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก
รูปภาพกระดูกสันหลังหัก กระดูกสันหลังเสื่อม หักและยุบเดินไม่ได้
สำหรับผู้สูงอายุนั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด เพราะด้วยร่างกายที่ไม่แข็งแรง การมองเห็นที่อาจไม่ชัดเจนจากตาต้อกระจก ต้อหิน เส้นประสาทตาเสื่อม อุบัติเหตุที่พบบ่อยคือการหกล้ม อาจมองว่าเป็นเรื่องปกติไม่ร้ายแรง แต่สำหรับผู้สูงอายุนั้น การเกิดอุบัติเหตุมีความอันตรายมาก สามารถทำให้เกิดกระดูกหัก ความพิการ ได้โดยง่าย
ผู้สูงอายุที่ได้เปรียบคือผู้ที่ดูแลตัวเองดี และเตรียมพร้อมจากการที่ตระหนักถึงเรื่องโรคกระดูกพรุน ทราบถึงการสลายของมวลกระดูกที่เริ่มเมื่ออายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป และหาตัวช่วยดีๆ สำหรับคนแก่คนชรา ด้วยการรับประทานแคลเซียมให้พอเพียงในแต่ละวัน นั่นคือ รับประทานแคลเซียมวันละ 1,000 มิลลิกรัม ทั้งนี้ผู้หญิงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนหรืออายุ 50 ปีขึ้นไป ควรรับประทานแคลเซียมวันละ 1,500 มิลลิกรัม